Sunday, 26 March 2023

BTS ส่งซิก! ครึ่งปีหลังฟื้น ยอดผู้โดยสารบีที่ เอสพุ่ง 8 แสนเที่ยวคน/วัน

BTS เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจ ช่วงตุลาคม 65-มี.ค.66 ดียิ่งขึ้นด้วยเหตุว่าปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส

มากขึ้นมาโดยตลอดถึง 800,000 เที่ยวคน/วัน เวลาเดียวกันปี 66 จะมีการเปิดให้บริการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง นายสุรยุทธ ทวีกวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีที่เอส กรุ๊ป โฮถดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เผยออกมาว่า

แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในงวดครึ่งปีหลัง (ตุลาคม 65-มี…66) ยังมองเห็นแนวโน้มที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Move ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ด้วยเหตุว่า ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส มากขึ้นมาโดยตลอด

BTS ธุรกิจ

รวมทั้งกลับมาแล้ว 90% ใกล้กับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

ในระดับ 90% ซึ่งจะมองเห็นได้จากตั้งแต่ช่วงเทศกาลลอยกระทงเป็นต้นมา ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส เพิ่มมาเป็น 800,000 เที่ยวคน/วัน จากช่วง
ก่อนหน้าอยู่ที่เฉลี่ย 700,000 เที่ยวคน/วัน เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ระดับ 1 ล้านเที่ยวคน/วัน หลังจากผู้คนกลับมาเดินทาง

รวมทั้งดำเนินการตามธรรมดาเยอะขึ้น
รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นมาต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยสำคัญที่บริษัทฯ คิดว่าจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส กลับไปที่ระดับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ได้นั้นต้อง คาดหวังให้นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา ซึ่งถือเป็นกหน็งปัจจัยที่มีนัยสำคัญ แยังไม่สามารถที่จะประเมินได้ว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะกลับมา

ได้เมื่อใด เพราขึ้นอยู่กับทางการจีน ระหว่างที่ในส่วนของรายได้บีทีเอส ในปีนี้อจจะมีการต่ำลงบ้าง

ด้วยเหตุว่าค่าจ้างสำหรับในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูรวมทั้งเหลืองที่เป็นช่วงท้ายของการก่อสร้าง ทำให้รายได่ในส่วนนี้ต่ำลง

BTS ฟ้องกรุงเทพมหานครทวงค่าจ้างเดินรถอีกครั้งหลังจากยอดพุ่ง 1.1 หมื่นลบ.แถมรอคิวอีกคดี 2 หมื่นลบ.

นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เผยออกมาว่า บริษัทเตรียมยื่นฟ้องกรุงเทพฯ (กทม.) รวมทั้งบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด อีกรอบเร็ว ๆ นี้

เพื่อเรียกร้องให้จ่ายค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว หลังจากที่บริษัทยังไม่ได้รับชำระจากกรุงเทพมหานคร ทำให้จำนวนเงินที่ติดค้างรวมดอกเบี้ยมากขึ้นจากครั้งก่อนที่ได้ยื่นฟ้องไปในค่ารวมราว 1.7 หมื่นล้านบาท

ด้านศูนย์ข่าว บีทีเอส เปิดเผยว่า

เมื่อวานวันที่ (22 พฤศจิกายน65) บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ที่กรุงเทพมหานครติดค้างตามสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว อีกทั้งส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า รวมทั้ง ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง รวมทั้งส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รวมทั้งช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ

ตั้งแต่วันที่ 16 เดือนกรกฎาคม64- 22 พฤศจิกายน65) ซึ่งเป็นการฟ้องเพิ่มเติมจากคดีก่อนหน้าโดยส่วนต่อขยายที่ 1 มีวงเงิน 2,895 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) รวมทั้ง ส่วนต่อขยายที่ 2 มีวงเงิน 8,173.5 ล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) ทำให้มีวงเงินมากขึ้นอีก 11,068.5 ล้านบาท

ยิ่งกว่านั้น BTSC เตรียมฟ้องกรุงเทพมหานครเพิ่มในส่วนงานติดตั้งระบบไฟฟ้า
รวมทั้งเครื่องกล วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งตอนนี้จำนวนยังไม่นิ่ง เนื่องจาก

มีงานเพิ่มเติมเข้ามา แต่คาดว่าจะยื่นฟ้องได้ในเร็ว ๆ นี้ ส่วนคดีที่ศาลปกครองกลางให้กรุงเทพมหานครรวมทั้ง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ด้วยกันจ่ายค่าจ้างเดินรถรวมทั้งค่าซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ส่วนต่อขยายที่ 1 รวมทั้งส่วนต่อขยายที่ 2 รวมค่า 11,754 ล้านบาท(รวมดอกเบี้ย) โดยให้จ่ายภายในระยะเวลา 180 วัน แต่ทางกรุงเทพมหานครได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว ก็ต้องรอศาลปกครองสูงสุดพิจารณาคดี

นายสุรยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ใจความสำคัญข้อพิพาทกับทางกรุงเทพมหานครนั้น บริษัทคิดว่าไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อการขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งใหม่ของบริษัท

ด้วยเหตุว่าใจความสำคัญดังที่ได้กล่าวมาแล้วทางบริษัทได้ดำเนินงานต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขรวมทั้งกฎเกณฑ์ที่ระบุ

รวมทั้งยังแน่ใจว่านักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้นกู้หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของ บีทีเอส ยังเชื่อถือในศักยภาพของบริษัทสำหรับในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ตามแผนกลยุทธ์ของธุรกิจอีกทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ Move Mix รวมทั้ง Match

สำหรับในการเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่จะบริษัทจะเสนอขายในครั้งนี้ เป็นมิติใหม่สำหรับในการลงทุน ซึ่งทุกคนที่เข้าลงทุนจะมีส่วนร่วมสำหรับในการสร้างความยั่งยืนไปพร้อม ๆ กับบริษัท ด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพึงพอใจ รวมทั้งความเสี่ยงในระดับเป็นที่ยอมรับได้ รวมทั้งแน่ใจว่าจะได้รับการตอบกลับที่ดีจากนักลงทุน

BTS แสนเที่ยว

หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของ BTS ที่ทำการเสนอขายในครั้งนี้

แบ่งได้เป็น 4 รุ่น วงเงินเสนอขายรวม 1.3 หมื่นล้านบาท ระบุจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน รวมทั้งจะเสนอขายระหว่างวันที่ 25 รวมทั้ง 28-29 พฤศจิกายน 65 ผ่าน ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้ง ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT)

หุ้นกู้ดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้รับการจัดอันดับ

ความน่าวางใจที่ระดับ A จากทริสเรทติ้ง รวมทั้งระบุค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท รวมทั้งทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท

สำหรับในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้บริษัทจะมีการจัดสรรไปใช้สำหรับเพื่อการเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท นำไปใช้คืนหนี้สถาบันการเงิน รวมทั้งการลงทุนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน อีกทั้งการแก้ไขระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ดียิ่งขึ้น

รวมทั้งจะนำไปใช้ในการพัฒนาระบบรถไฟฟ้าสายสีเหลืองรวมทั้งสีชมพู ซึ่งมีระบุเปิดให้บริการข้างในปี 66 รวมทั้งนำไปลงทุนในโครงการที่ส่งเสริมความยั่งยืน รวมทั้งดูแลสภาพแวดล้อมอื่น ๆ

“การออกหุ้นกู้ SLB ของบริษัทครั้งนี้สอดรับกับกลยุทธ์ระยะยาวด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ของ บีทีเอส โดยการคงสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอน และกำหนดให้เพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างน้อย 10% ของการดำเนินงาน และบริษัทคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการจองซื้อหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่ยืนของ BTS ในครั้งนี้ เพราะตอนนี้จากการแสดงความสนใจเข้ามาถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และหากได้รับการตอบรับที่ดีมาก บริษัทอาจจะมีการออกหุ้นกู้ในรูปแบบนี้อีกในช่วงปี 66 รวมถึงการหาโซลูชั่นในการให้กลุ่มนักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงหุ้นกู้ส่งสริมความยั่งยืนของ BTS ผ่านการจองซื้อบนดิจิทัลด้วยเช่นกัน” นายสุรยุทธ กล่าว