Sunday, 26 March 2023

รีวิวหนัง "Babylon" จัดจ้าน 3 ชั่วโมงเน้น ๆ กับวงการบันเทิงฮอลลิวูดยุคบุกเบิก

มาถึงคิวของหนังที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นหนังที่เสียงค่อนข้างจะแตกอยู่ไม่น้อย ในกลุ่มหวังรางวัลในปีนี้ นี่เป็น “Babylon” ผลงานล่าสุดของผู้กำกับหนุ่ม “เดเมียน ชาเซลล์” (จาก La La Land) ที่มีจุดเด่นตรง ที่เป็นหนังพีเรียดย้อนยุค กลับไปเมื่อร้อยปีก่อน ซ้ำยังอัดแน่นด้วยเนื้องาน ที่เต็มตาถึง 3 ชั่วโมง เทียบเท่ากับหนัง Avatar ภาคล่าสุดเลยทีเดียว แล้วตัวหนังมันมีจุดเด่นข้อด้อยตรงกันบ้าง และก็ควรค่าแก่การนั่งแช่ ในโรงหนังนานขนาดนี้หรือไม่?

Babylon เป็นหนังพาย้อนกลับไปลอสแองเจลิส ในทศวรรษ 1920 เรื่องราวเกี่ยวกับความทะเยอทะยานเกินปกติ รวมทั้งพฤติกรรมสุดเหวี่ยงเกินพิกัด รวมทั้งถ่ายทอดเรื่องราวยุครุ่งโรจน์ รวมทั้งการล่มสลายของหลากหลายตัวละคร ในช่วงยุคแห่งความเสื่อมโทรม แล้วก็ความเลวทรามช่วงฮอลลิวูดยุคบุกเบิกเริ่มต้น ที่เต็มไปด้วยแสงสีอันน่าหลงใหล รวมทั้งภาพมายาที่ลวงหลอก

Babylon ย้อนยุค

Babylon นี่นับว่าเป็นชิ้นงานภูมิใจ นำเสนอของเดเมียน ชาเซลล์

เขาเลยแหละ เพราะเหตุว่าเขาพยายามปลุกปั้นอยู่นานหลายปี และยังเป็นโปรเจกต์ หนังที่หลาย ๆ ค่ายต่างจับจ้องแย่งเอามาเป็นเจ้าของด้วย แน่นอน ว่าเขายังคงรับหน้าที่ดูแลงานกำกับ และเขียนบทหนังด้วยตัวเอง ซึ่ง Babylonก็ยังเต็มไปด้วยลายเซ็นชัด ๆ ในลีลาการทำหนังรูปแบบของเขา งานภาพ งานเสียง และเซ็ตติ้งต่าง ๆ ทำออกมาได้เป็นมืออาชีพ และระรัวใส่ผู้ชมราวกับดีดดิ้นอยู่ ในปาร์ตี้ตลอดเวลา

ความยาวของหนังที่มีถึง 3 ชั่วโมง 9 นาที ของ Babylonนั้น มิได้เป็นอุปสรรคอะไรก็ตามเลย จะต้องขอบคุณที่หนังมีจังหวะ การเล่าเรื่องที่บันเทิงรวมทั้งสนุกสนานไปได้ด้วยดี มาเอื้อนพูดถึงจุดที่น่าชมเชยกันก่อน งานออกแบบโปรดักชั่นเรื่องนี้ ต้องยกนิ้วให้ เทียบสเกลก็แทบเป็นหนังฟอร์มใหญ่ ระดับทุนร้อยล้านขึ้นไปได้เลย

เนื่องจากว่าหนังมีรายละเอียดต่าง ๆ ในหนังเพียบ งานโปรดักชั่นส่วนมากที่ต้องเก็บรายละเอียดของยุคสมัยในช่วงสมัยปี 1920s พร้อมกับไล่ไทม์ไลน์ไปตามสมัย การออกแบบฉากและก็ศิลป์ต่าง ๆ ของ Babylonทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ สิ่งที่ถ่ายทอดออกมา ทำให้ผู้ชมละสายตา ไปกับแวดล้อมในหนังมิได้เลย แม้ว่าจังหวะลีลาของหนังจะฉับไว จนครั้งคราวแทบจะมองไม่ทันบ้างก็ตาม แต่ว่าส่วนประกอบส่วนนี้นับว่าเด่นดี

หนังที่น่าดู

อีกสิ่งที่จะต้องปรบมือให้ดัง ๆ ก็คืองานดนตรีประกอบภาพยนตร์

ที่โดยเจ้าเดิม “จัสสิต เฮอร์วิตซ์” ที่เคยทำเพลงให้กับ La La Land มาบรรเลงและก็จุดประกายไฟอันร้อนแรงให้กับซาวน์หนังเรื่องนี้ ที่หลัง ๆ ยังคงใส่ท่วงทำนอง เครื่องเป่าสไตล์แจ๊สเอาไว้ ได้อย่างเป็นเอกลักษณ์เช่นเคย ถ้าเป็นแฟนนักประพันธ์ท่านนี้

ก็จะสัมผัสได้ถึงลายเซ็น ในชิ้นงานของเขาได้ดี และเพลงประกอบต่าง ๆ ก็ดูส่งเสริมอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี ทั้งสุข ทั้งเศร้า อีกทั้งงานเลี้ยง ทั้งโศกนากฏกรรม ที่นับว่ามอบซาวน์รสเลิศ ที่แสนจัดจ้าน

ในขณะที่องค์ประกอบเสื้อผ้าหน้าผม รวมทั้งการแต่งหน้าของ Babylonเรื่องนี้ ที่จัดว่าก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เพียงแต่ว่ายังไม่ได้โดดเด่น เป็นที่สุดมากสักเท่าไรนัก

เนื่องจากว่าความละเอียดในเรื่องชุดและก็การออกแบบให้กับตัวละคนในหนังนั้น ยังแอบสัมผัสได้ถึงความร่วมสมัยอยู่เบา ๆ มิได้เน้นเก็บความเฉพาะของยุค ตามเส้นเรื่องสักเท่าไหร่ แต่ยังโชคดีที่จุดนี้ ถูกมองข้ามไป ด้วยเหตุว่างานโปรดักชั่นดีไซน์ ที่ตื่นตาแล้วก็ตรึงใจได้ดี

ส่วนบทหนังรวมทั้งการเล่าเรื่องของ Babylon อาจจะจะต้องยอมรับตรง ๆ ว่ายังไม่ค่อยน่าประทับใจถึงที่สุดนัก อาจจะเนื่องจากว่าเป็นว่ารายละเอียด ที่ถูกใส่มาเยอะ แล้วก็แน่นเกินไป แม้ว่าจะสัมผัสได้ถึงเจตนารมณ์ รวมทั้งวัตถุประสงค์ของ เดเมียน ชาเซลล์ ที่อยากได้คาระความคลาสสิก แล้วก็ต้นตำหรับ ของแหล่งกำเนิดวงการภาพยนตร์ฮอลลิวูด สิ่งที่เขาอยากจะสื่อสารออกมานั้น จัดว่าชัดเจน เพียงแต่ว่าเนื้อหา ที่เอามาละเลงในหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างจะแน่นไปเสียหน่อย แม้จะยังรู้สึกชอบ แต่ว่าก็ไม่ทราบว่า จะโฟกัสตรงไหนก่อนดี

หนัง3ชม.

ความจริงค่อนข้างรู้สึกขนลุก ไปกับบทสรุปในช่วงท้ายของหนัง

ที่เป็นการสรรเสริญความเป็น Cinematic ที่ตกทอดกันมานับร้อยปี ของแวดวงนี้ เพียงแค่ก็แอบรู้เหมือนว่าผู้ผลิตหาจุดลง ที่งดงามได้ไม่พบ ฉากสรุปท้ายเรื่องของหนังเรื่องนี้ จึงมีทั้งอารมณ์ตื้นตัน และมึนงงไปพร้อมเพียงกัน เนื่องจากไม่คิดว่า จะเลือกทางลงให้กับเช่นนี้ ทั้งที่คงจะมีสักทาง ที่จบได้คมคาย รวมทั้งสวยงามมากกว่านี้

ทางด้านการแสดงของทีมนักแสดง ก็ถือว่าพวกเขาทำออกมาได้ดี ตามมาตรฐานเลย “แบรด พิตต์” ที่พระเอกที่มาช่วยพยุงทั้งเรื่องเอาไว้ ได้ด้วยความเป็นมืออาชีพของเขา “มาร์โกต์ ร็อบบี้” ใส่เสน่ห์ไปเต็ม ๆกับบทบาทที่เธอได้รับ รวมทั้งยังเล่นไปสุดทางกับตัวละครนี้

แม้ว่าบางทีอาจดูเป็นบทซ้ำ ๆ ไปหน่อย ในตอนที่ “ดิเอโก คัลวา” เป็นหนุ่มหล่อลาตินหน้าใหม่ ที่จัดว่าโปรยเสน่ห์ แล้วก็เข้ากับบท ที่ได้รับอย่างดี ถึงการแสดงของเขายังจะต้องลับคมไปอีก

สรุปว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น ก็แอบรู้สึกก้ำ ๆ กึ้ง ๆ กับหนังเรื่องนี้อยู่เช่นกัน แต่ว่าคงจะเอนเอียง ไปในทิศทางที่ค่อนข้างจะชอบมากยิ่งกว่า ด้วยส่วนประกอบของงานสร้างที่จัดจ้าน และบันเทิงได้ถึงกึ๋น

แม้ว่ายังมีบางองค์ประกอบ ที่ยังไม่ประทับใจถึงที่สุด รวมทั้งรู้สึกว่าคงจะทำได้ดีมากยิ่งกว่านี้ได้อยู่ก็ตาม แต่นี่ก็คือหนัง ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่จัดจ้านตลอด 3 ชั่วโมง ที่อัดแน่น ด้วยความเนื้อใน ที่เต็มน้ำเต็มเนื้อ บางทีก็เกือบจะล้นทะลักออกมา

Babylon บางทีก็อาจจะไม่ใช่หนังที่ทำออกมา ได้เหมาะกับผู้ชมทุกกลุ่ม ด้วยความยาวมาก ๆ ที่ไม่ใช่คนดูหนังยุคนี้ จะหาเปิดดูกันแน่ๆ แต่หนังก็โดดเด่นดีที่งานสร้าง ยิ่งถ้าหากว่าเป็นผู้ที่ให้ความสนใจ และก็คลุกคลีอยู่กับแวดวงสายหนังด้วยแรง หนังเรื่องนี้ เป็นการสดุดีวงการภาพยนตร์รสเลิศเรื่องหนึ่ง ย้อนกลับไปถวิลยุคเก่า ๆ ที่แทบลืมกันไปหมดแล้ว แม้ว่าการร้อยเรียงจะยังไม่คมคาย ถึงที่สุดนัก แต่รวม ๆ ก็นับว่าจัดจ้านใช้ได้ ด้วยความดีความชอบจากงานสร้างล้วน ๆ เลย